วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

แคบหมู

สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร นั้นก็คือ แคบหมู น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ


สูตรแคบหมู

1. แคบหมู นิยมทำจากหนังหมู เนื่องจาก หนังหมูมีราคาถูก หาง่าย
2. การทำแคบหมู เป็นวีธีการแปรรูปหนังหมู ให้เป็นอาหาร ที่เก็บไว้ได้นาน มีรสชาติอร่อย ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของหนังหมู ให้มีราคาสูงขึ้นด้วย
การเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำแคบหมู ประกอบด้วย
1. กระทะสำหรับทอด                         1     ใบ
2. กะละมังขนาดกลาง                        2     ใบ
3. อั้งโล่ หรือเตาไฟขนาดใหญ่             1     ใบ
4. ฟืนหรือถ่านตามสมควร
5. ปี๊บหรือหม้อเคลืบมีฝาปิด                 2     ใบ
6. ตะหลิวมีด้ามยาว                           1     อัน
7. กระชอนตักแคบหมูจากกระทะ          1     อัน
8. ตะกร้าไม้ไผ่สำหรับพักน้ำมัน            1     ใบ
9. ตราชั่งสำหรับชั่งหนังหมูและแคบหมู
10.ถุงพลาสติกขนาดต่าง ๆ และยางรัดของ
11.กระดาษซับน้ำมัน
การเตรียมส่วนผสม
ส่วนผสมในการทำแคบหมู ประกอบด้วย
1. เกลือ เป็นเครื่องปรุงที่เพิ่มรสชาติแคบหมูให้มีรสเค็ม กลมกล่อม
2. ผงชูรส เป็นเครื่องปรุงเสริมแต่งให้แคบหมูรสชาติดียิ่งขึ้น ควรเลือกซื้อผงชูรสที่มีคุณภาพดีพอสมควร
3.ซีอิ๊วขาว ใช้สำหรับแต่งสี และปรุงให้แคบหมูมีสีเข้ม มีรสและกลิ่นน่ารับประทาน
4.น้ำมันหมู ใช้สำหรับทอดแคบหมู ควรเป็นน้ำมันใหม่ สะอาด ไม่เหม็นหืน และไม่มีสีดำคล้ำ
ส่วนผสม
ส่วนผสม (สำหรับทำแคบหมูเชิงธุรกิจ)
1. หนังหมู   10  กิโลกรัม
2.เกลือ  1 1/4  ถุง ถุงละ  100  กรัม
3.ผงชูรส   4  ช้อนโต๊ะ
4.ซีอิ๊วขาวหรือดำ  1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม (สำหรับทำรับประทานในครอบครัว)
1. หนังหมู   2  กิโลรับ
2. เกลือ  1  ช้อนโต๊ะ
3. ผงชูรส
4. ซีอิ๊วขาวหรือดำ
หมายเหตุ  หากใช้ซีอิ๊วดำให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งของซีอิ๊วขาว
ข้อแนะนำ
1. ส่วนผสมสำหรับทำขายและส่วนผสมสำหรับทำรับประทานในครอบครัว หากประสงค์จะทำแคบหมูจำนวนมากหรือน้อยกว่านี้ ก็ให้เพิ่มหรือลดส่วนผสม ลงตามต้องการ หากจะทำสำหรับบริโภคในครอบครัว ควรจะใช้หนังหมูไม่น้อยกว่า  2 กิโลกรัม  มิเช่นนั้นจะได้แคบหมูที่ไม่พองเท่าที่ควร
2. ถ้าใส่ส่วนผสม ซีอิ๊วมากเกินไป จะมีผลทำให้แคบหมูไม่พ่อง
3. ถ้าใช้หนังหมูที่ติดมันมากเกิน 1 นิ้ว จะทำให้แคบหมูพองนิ้ว
4. ตามเกณฑ์ปกติ แคบหมูที่ได้รับจากการทอดหนังหมูจะได้น้ำหนัก  1 ใน 3  ของน้ำหนักหนังหมู  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนมันที่ติดกับหนังหมูที่ใช้ในการทำแคบหมู  หากมีมันมากก็จะได้แคบหมูจำนวนน้อย แต่ได้น้ำมันมากตามส่วน

วิธีการทำแคบหมู

     เตรียมเชื้อเพลิงให้ร้อนพอสมควร (100 องศา)  ให้น้ำมันที่ใช้ต้ม หนังหมูทอด เมื่อน้ำมันร้อนจัดแล้ว สังเกตได้จากมีควันสีเขียวเกิดขึ้น ทดลอง โดยเอาหนังหมูที่เตรียมไว้หย่อนลงไปในกระทะ  1- 2 ชิ้น ก่อน  ถ้าหนังหมูจม และลอยตัวขึ้นมาช้า ๆ แสดงว่าน้ำมันยังไม่ร้อนพอ ให้รอสักครู่ หนึ่งแล้วจึงทดลองใหม่ จนเห็นว่าหนังหมูลอยตัวขึ้นมาทันที ก็เป็นอันว่าน้ำมันร้อนได้ที่แล้ว พร้อมที่จะทำการทอดแคบหมูต่อไป
     ในการทอดหนังหมูต้ม ให้เป็นแคบหมูนี้ ให้ใส่พอประมาณ ดูว่ามีเนื้อที่เหลือพอที่จะให้หนังหมูพองตัวแล้วไม่เบียดกันจนเกินไป
เทคนิคในการทอด
     เมื่อใส่หนังหมูต้มลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดแล้วให้ใช้ตะหลิวโปร่งคอยกด หนังหมู ที่ลอยขึ้นมา จมลงไปในน้ำมันให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็พยายามคนพลิกกลับข้างล่าง และแกว่งตะหลิวโปร่งไปมาสลับกัน เพื่อให้หนังหมูขยายตัวและได้รับความร้อนจากน้ำมันโดยทั่วกัน ทอดต่อไปจนเห็นว่าแคบหมูพองตลอด ทั้งก้อนและมีสีเหลืองกรอบได้ที่แล้ว จึงตักแคบหมูขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หรือใช้กระดาษซับน้ำมัน ทำการซับน้ำมันอีกครั้งหนึ่งก็ได้ พักทิ้งไว้ให้เย็น เตรียมบรรจุต่อไป

การบรรจุและการเก็บรักษาแคบหมู
     แคบหมูเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหนังหมูทอด มีลักษณะกรอบ ฉะนั้นในการเก็บรักษา ต้องคำนึงถึงการรักษาคุณค่าทางอาหาร และรสชาติของแคบหมู ให้มีลักษณะกรอบ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
     ดังนั้น ในการเก็บรักษาจะต้องมิให้ถูกความชื้น โดยการเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท และห่อหุ้มแคบหมูด้วยถุงพลาสติก รัดยางยึดให้แน่น ไม่ให้อากาศเข้าได้ ถ้าจำนวนไม่มาก อาจจะใส่ถุงพลาสติก รักปากถุงให้แน่น ด้วยยางรัดของ แล้วนำเก็บเข้าตู้เย็น จึงจะสามารถเก็บรักษาไว้หลายวัน โดยคงรสชาติเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป (ไม่ควรเกิน 5 วัน)
     สำหรับการบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายนั้น ก็ใช้วิธีบรรจุตามที่กล่าวข้างต้น เพียงแต่บรรจุตามราคาจำหน่ายปลีกและส่ง ตามความ เหมาะสมของแต่ละท้องถิ่น และความพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สำหรับราคาจำหน่ายโดยทั่วไป ราคากิโลกรัมละ 120-150 บาท

เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ แคบหมู เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้ อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ

ลาบหมูเหนือ

สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร นั้นก็คือ ลาบหมูเหนือ น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ




สูตรลาบหมู

1.  หมูเนื้อแดงบด 300 กรัม
2.  ตับอ่อนตับสุกหั่นชิ้นบาง 100 กรัม
3.  ไส้ตันต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก 100 กรัม
4.  หนังหมูต้มสุกหั่นเป็นเส้น 1 / 4 ถ้วย
5.  ผักชีซอย ต้นหอมซอย อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
6.  ผักชีฝรั่งซอย ผักไผ่ซอย อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
7.  กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
8.  น้ำมันพืช 1 / 4 ถ้วย
9.  ผักสด เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ยอดกระถิน
10.ใบสะระแหน่ ผักชี ต้นหอม ผักไผ่

เครื่องแกง
1. พริกแห้งเม็ดใหญ่เผา 5 เม็ด
2.  กระเทียมเผา 3 หัว
3.  หอมแดงเผา 5 หัว
4.  ข่าหั่นคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
5.  ตะไคร้ซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
6.  ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนชา
7.  ดีปลีคั่วโขลกละเอียด 1 / 2 ช้อนชา
8.  มะแขว่นคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำลาบหมู

1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด
2. ผสมเนื้อหมูบดกับน้ำพริกแกงที่โขลกเข้าด้วยกัน ใส่ไส้ตัน ตับ เคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำต้มเครื่องใน คนพอทั่ว
3. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อนด้วยไฟกลาง ใส่กระเทียมลงเจียวให้เหลืองหอม ตักกระเทียมขึ้น ใส่หมูบดที่ผสมไว้ ผัดให้เข้ากัน ใส่ผักไผ่ ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ยกลง
4. ใส่ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง หนังหมู คนพอทั่ว ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว รับประทานกับผักสด


ถ้านำมาผัดก็จะเป็นลาบสุก หรือเรียกอีกอยากหนึ่งว่า  ลาบคั่ว


เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ  ลาบหมูเหนือ เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้
อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ
แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ



แกงฮังเล


สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ 

วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง

อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร
นั้นก็คือ แกงฮังเล น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ





สูตรแกงฮังแล

1.เนื้อสันคอหมู300กรัม
2.เนื้อหมูสามชั้น200กรัม
3.น้ำอ้อยป่น2ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมะขามเปียก3ช้อนโต๊ะ
5.ขิงซอย1/2ถ้วย
6.กระเทียม1/2ถ้วย
7.ถั่วลิสงคั่ว2ช้อนโต๊ะ
8.สับปะรด2ช้อนโต๊ะ
9.ผงฮังเล2ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1.พริกแห้ง7เม็ด
2.พริกขี้หนูแห้ง4เม็ด
3.หอมแดง3หัว
4.กระเทียม20กลีบ
5.ตะไคร้ซอย2ช้อนโต๊ะ
6.ข่าซอย1ช้อนโต๊ะ
7.เกลือ1ช้อนชา
8.กะปิหยาบ1/2ช้อนโต๊ะ


วิธีการทำแกงฮังเล

1. หั่นเนื้อหมูสันคอและหมูสามชั้นเป็นชิ้น ขนาด 1.5 x 1.5 นิ้ว
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. ผสมเครื่องแกง ผงฮังเล สับปะรด และเนื้อหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. นำหมูที่หมักไว้มาตั้งไฟ ใส่น้ำเล็กน้อย ผัดจนกว่าหมูตึงตัว เคี่ยวต่อ คอยเติมน้ำเรื่อยๆ จนหมูนิ่มได้ที่
5. ใส่น้ำอ้อยป่น น้ำมะขามเปียก ใส่กระเทียม และขิงซอย คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อ
6. ใส่ถั่วลิสงคั่ว พอเดือดสักพัก ปิดไฟ

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

เคล็ดลับในการปรุง
การคั่วเครื่องแกง ใช้ไฟปานกลาง ใช้เนื้อกระท้อนแทนมะขามเปียกได้ ให้รสชาติเปรี้ยว และมีกลิ่นหอม

เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
หมูสามชั้น ควรเลือกที่มันไม่หนาเกินไป หรือเลือกใช้ซี่โครงหมูแทน ก็ได้





เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ แกงฮังเล เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้ อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ


สวัสดีคร้าาาา

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ไส้อั่ว

สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร นั้นก็คือ ไส้อั่ว น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ






สูตรไส้อั่ว

1.เนื้อหมูบด1กิโลกรัม
2.ไส้หมู300กรัม
3.ใบมะกรูด10ใบ
4.ผักชีซอย2ช้อนโต๊ะ
5.ต้นหอมซอย2ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1.พริกแห้ง10เม็ด
2.ข่าหั่น1ช้อนโต๊ะ
3.ตะไคร้ซอย2ช้อนโต๊ะ
4.หอมแดง10หัว
5.กระเทียม20กลีบ
6.กะปิ2ช้อนโต๊ะ
7.เกลือ1ช้อน


วิธีการทำไส้อั่ว1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างไส้หมูให้สะอาด โดยใส่น้ำลงในไส้ แล้วกลับด้านในออกมาด้านนอก นำไปแช่น้ำใส่เกลือ ประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านนอกออกเหมือนเดิม
3. ใส่เครื่องแกงลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบดให้เข้ากัน
4. ใส่ผักชีต้นหอมซอย ใบมะกรูดซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. นำหมูที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้ว มากรอกใส่ไส้หมู โดยใช้กรวยช่วยในการกรอกหมูใส่ไส้
6. เมื่อกรอกไส้จนเต็มแล้ว มัดปากไส้
7. นำไส้อั่วที่ได้มาย่างไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองทั่ว ประมาณ 45 นาที 

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

ขณะที่นำไส้อั่วย่างไฟ ให้ใช้ไม้จิ้มเพื่อระบายอากาศ เพื่อไม่ให้ไส้แตก
ย่างกับถ่านไม้ ไส้อั่วจะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน



เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ ไส้อั่ว เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้ อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ

น้ำพริกอ่อง

สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร นั้นก็คือ น้ำพริกอ่อง
น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ






สูตรน้ำพริกอ่อง



* หมูสับ 300 กรัม


* มะเขือเทศ 200 กรัม


* หอมแดงหั่นเป็นชิ้นๆ 100 กรัม


* พริกแห้งหั่นเป็นชิ้นๆ 50 กรัม


* ตะไคร้หั่นละเอียด 25 กรัม


* กะปิ 30 กรัม


* เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา


* กระเทียมสับละเอียด 40 กรัม


* เกลือ 1/2 ช้อนชา


* น้ำตาล 1 ช้อนชา


* ผักชีสำหรับแต่งอาหาร


* ผักสด (แตงกวา, แครอท, กะหล่ำปลี, อื่นๆ)

วิธีทำน้ำพริกอ่อง


1. ใส่หอมแดง, กะปิ, กระเทียม (20 กรัม), เต้าเจี้ยว, พริก, ตะไคร้ และน้ำ 1/2 ถ้วยตวง ลงในเครื่องปั่นอเนกประสงค์ (หรือใช้ครก+สาก) ปั่นจนกระทั่งส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี


2. ใส่น้ำมันในกระทะและนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมลงไปผัดจนเหลือง จากนั้นจึงใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไปผัดจนหอม



3. ใส่หมูลงไปผัดจนสุกทั่ว จากนั้นจึงใส่มะเขือเทศ, น้ำเปล่า, เกลือและน้ำตาล


4. หมั่นคนจนกระทั่งเดือด จึงลดไฟลงและเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆประมาณ 10 - 20 นาที


5. ตักใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยผักชี และผักสดต่างๆ (ถ้าไม่ชอบผักสด สามารถนำไปลวกจนสุกได้) เสริฟทันทีพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ (หรือข้าวเหนียว)



เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ น้ำพริกอ่อง เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้ อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

ข้าวซอยไก่

สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ
วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง
อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร
นั้นก็คือ  ข้าวซอยไก่ น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ





สูตรการทำ

          พริกแห้งเม็ดใหญ่คั่ว 7 เม็ด

          เกลือป่น 1 ช้อนชา

          รากผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

          ขิงซอยคั่ว 1/4 ถ้วย

          หอมแดงคั่ว 3/4 ถ้วย

          ขมิ้นซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

          ชะโกแกะเปลือกใช้เมล็ดคั่วให้หอมแล้วป่น 1 เม็ด




เครื่องแกง (สำหรับข้าวซอย)


          น่องไก่ 3-4 น่อง

          หางกะทิ 3 ถ้วย

          เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา

          หัวกะทิ 1 ถ้วย

          ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ

          ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนชา

          น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

          น้ำมันพืชสำหรับทอด

          บะหมี่เหลือง 5 ก้อน (สำหรับทอด 1 ก้อน)


เครื่องเคียง ได้แก่  ผักกาดดองซอย มะนาวหั่นเป็นชิ้น พริกป่นผัดน้ำมัน หอมแดงหั่นชิ้น และผักชีสำหรับตกแต่ง



วิธีการทำข้าวซอยไก่
1. ล้างไก่ให้สะอาด พักทิ้งไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
2. ทำน้ำพริกแกง โดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นใส่รากผักชี ขิงซอย ขมิ้น    ซอย และหอมแดง โขลกรวมกันจนละเอียดเข้ากันดี ใส่ชะโก โขลกต่อจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ (แต่สูตรนี้เราใช้พริกแกงสำเร็จรูปนะคะ)
3.ส่หางกะทิลงในหม้อ ใส่เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนร้อน จึงใส่ไก่ พอกะทิเดือดลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้ไก่สุกนุ่ม และกะทิแตกมันเล็กน้อย เตรียมไว้
4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิ 1/2 ถ้วย ผัดเคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงผัดให้เข้ากันทั่วและมีกลิ่นหอม 
5. จากนั้นตักใส่ในหม้อไก่ที่เคี่ยวไว้ แล้วคนผสมให้เข้ากัน
6. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอี๊วดำ น้ำตาล ใส่หัวกะทิที่เหลือ คนผสมพอทั่ว พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ ยกลง  จากเตา เตรียมไว้
7. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน แบ่งบะหมี่ลงทอดทีละน้อยให้กรอบเหลือง (ประมาณ 1 ก้อน) จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิท
8. วิธีจัดเสิร์ฟ ให้ลวกบะหมี่ใส่ชาม ตักน่องไก่พร้อมน้ำแกงราดประมาณ 1 ถ้วย โรยหน้าด้วยบะหมี่ทอดกรอบ วางเครื่องเคียง ตกแต่งด้วยใบผักชี พร้อมเสิร์ฟค่ะ (บะหมี่เส้นแบนเราได้มาไม่เหนียวถูกใจเลยขอเลือกบะหมี่เส้นเล็กแทนค่ะ)


เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ ข้าวซอยไก่ เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้
อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ
แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ




ขนมจีนน้ำเงี้ยว



สวัสดีค่ะพบฉันอีกเช่นเคยน่ะค่ะ

วันนี้เราจะมาทำอาหารเหนือหรืออาหารเมือง

อยากทราบแล้วไหมค่ะอาหารที่ดิฉันจะนำเสนอคืออะไร

นั้นก็คือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว  น่าสนใจใช้ไหมค่ะ งั้นมาทำกันเลยค่ะ

เครื่องแกง
1.     พริกแห้ง    10     เม็ด
2.     รากผักชี    10     ต้น
3.     กระเทียม    10     กลีบ
4.     หอมแดง    10     หัว
5.     กะปิ    3     ช้อนโต๊ะ
6.     เกลือ  3     ช้อนชา

เครื่องเคียง

1.     กระเทียม
2.     ผักชี
3.     ต้นหอม
4.     พริกขี้หนูแห้งทอด
5.     มะนาว
6.     ถั่วงอก
7.     ผักกาดดอง

วิธีการทำขนมจีนน้ำเงี้ยว

1. ต้มน้ำ พอเดือด ใส่ซี่โครงหมู ต้มจนหมูนุ่ม
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. ผัดเครื่องแกงกับน้ำมัน จนมีกลิ่นหอม ใส่เต้าเจี้ยวลงผัด คนให้เข้ากัน
4. ใส่หมูบด ผัดให้เข้ากัน จนหมูสุก
5. ใส่เครื่องแกงที่ผัดแล้วลงในน้ำหม้อต้มกระดูก ต้มจนเดือด ใส่ดอกงิ้ว ต้มต่อประมาณ 10 นาที
6. ใส่เลือดไก่ที่หั่นแล้ว คนให้ทั่ว
7. ใส่มะเขือเทศ
8. ตั้งไฟต่อประมาณ 5 นาที ยกลง นำขนมจีนใส่จาน ราดด้วยแกง (น้ำเงี้ยว) รับประทานกับเครื่องเคียง
เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
เคล็ดลับในการปรุง
การทำน้ำเงี้ยวสามารถใช้เลือดไก่หรือเลือดหมูก็ได้


เสร็จไปแล้วน่ะค่ะกับสูตรการทำ  ขนมจีนน้ำเงี้้้้ยว  เห็นใช่ไหมค่ะว่าไม่ยากเลยใครๆก็ทำได้
อร่อยและเป็นของไทย ขอให้อนุรักษ์อาหารไทยของคนไทยไว้นานๆน่ะค่ะ
แล้วพบกับดิฉันไหมในบทความต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามบทความของดิฉันน่ะค่ะ